วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ครูในดวงใจ

หากจะมีใครสักคนหนึ่งที่เรารักและอยู่ในดวงใจของเรา ที่ต่อจากคุณพ่อ คุณแม่แล้ว ใครสักคนหนึ่งที่ คอยอบรม และมอบวิชาความรู้ให้กับเรา ยอมเหนื่อย เพื่อเรา โดยที่เขา ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใดๆ ใครคนนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้ที่ได้ชื่อว่า “ ครู ”
เมื่อกล่าวถึงครู ก็ทำให้ฉันนึกถึงครูศิลปะคนหนึ่ง ที่คอยทำงานให้กับโรงเรียนในด้านต่างๆ คอยสร้างผลงานให้กับโรงเรียน โดยตลอดมา และยังคงตราตรึงในห้วงสำนึกของฉันเสมอมา ครูผู้นั้นคือครู อัครัช จันแก้ว หรือที่นักเรียนเรียกกันว่าสั้นๆแต่แฝงด้วยความรักว่า ครูบอม จนฉันยกให้ครูผู้นี้เป็นครูในดวงใจเสมอมา
ครูบอม เป็นครูอัตราจ้าง ที่สอนวิชาศิลปะ โรงเรียนแม่สะเรียง “บริพัตรศึกษา” อายุประมาณ 30 ปี โดยจบจากคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดูภายนอกนั้นก็เหมือนครูศิลปะทั่วไป คือชอบอยู่ตามลำพัง พูดจาไม่ค่อยเพราะ แถมยังดุอีกต่างหาก แต่หลังจากที่มีโอกาสได้สัมผัสกับตัวตนที่แท้จริงนั้น คุณครูท่านนี้มีอะไรให้ได้เรียนรู้จากท่านมากมาย เหตุการณ์หนึ่งที่ฉันยังจำได้เสมอคือก่อนวันลอยกระทงในปี 2549 ประมาณ 1 เดือน ฉันได้มีโอกาสมาช่วยทำกระทงใหญ่ของโรงเรียน ตอนนั้นฉันอยู่เพียงชั้น ม.5 จากที่จะมาช่วยงานเล็กๆน้อยๆ ก็ได้ครูท่านนี้ได้สอนในการตัดโฟม การสลักโฟม ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ยากขึ้นอีกระดับหนึ่ง และได้ช่วยทำกระทงจนเสร็จสมบูรณ์ หลังจากนั้นผมก็ได้ช่วยงานครูบอมเสมอมา ทั้งงานในโรงเรียนหรือแม้แต่งานที่ทำในนามของโรงเรียนที่ในต่างจังหวัด ทำให้เห็นว่าครูผู้นี้เป็นครูที่มีความเสียสละ มีความอดทน และทำสิ่งต่างๆโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และท่านยังได้ให้คำพูดที่ผมประทับใจว่า “งานศิลปะเป็นงานที่ใช้จิตใจทำ ไม่ใช่ทำด้วยเงิน เงินเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้สร้างงานได้ แต่งานจะออกมาดีนั้น อยู่ที่จิตวิญญาณต่างหาก” เป็นความจริงอย่างที่ท่านพูดจริงๆครับเพราะหากทำงานสักอย่างหนึ่งบางทีทำจนเงินไม่พอ ท่านก็ใช้ส่วนตัวแทน และบางครั้งก็ทำให้เห็นความอดทนของท่าน มีครั้งหนึ่งมีโอกาสไปนำเสนอนิทรรศการผลงานของโรงเรียน ที่จังหวัดพิษณุโลก โดยครูบอมและฉันนั่งอยู่ที่กระบะหลัง ที่ไม่มีอะไรบัง พร้องทั้งอุปกรณ์ที่เตรียมไปจัดนิทรรศการ แน่นเต็มหลังรถ เพราะนั่งข้างหน้าเต็มไปด้วยครูท่านอื่นๆ จากจังหวัดแม่ฮ่องสอนเดินทางสู่จังหวัดพิษณุโลก เป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ผ่านทั้งเปลวแดด ความหนาวเหน็บ และเปียกของสายฝน แต่ท่านก็ไม่ได้บ่นสักคำ แต่กลับหัวเราะด้วยความสนุกสนาน เมื่อฉันเห็นครูไม่ลำบาก ทำให้ผมไม่ลำบากด้วยเช่นกัน
จะเห็นได้ว่าเพราะนอกจากที่ท่านได้ให้ความความรู้ที่เป็นศาสตร์แล้ว ท่านยังให้วิชาที่เป็นศิลป์ในการที่ให้ข้อคิด ให้คำปรึกษา ให้ความรักความเมตตากรุณา ชี้นำแนวทางในการดำรงชีวิตมากมาย ทุกคำสอนของครูทุกคำ เป็นแนวทางในการนำมาปฏิบัติได้ผลที่แท้จริง

ขอเรียงร้อยอักษรามามอบให้
แด่คุณครูในดวงใจไทยทั่วหล้า
เป็นแสงเทียนส่องใจให้ปัญญา
ส่องมรรคางามเด่นเห็นเส้นชัย
สังคมดีวันนี้เพราะมีท่าน
ช่วยประสานรอยร้าวคราวหลับใหล
สังคมรู้งานครูหนักสักเพียงใด
ครูก็ไม่ปล่อยวางสร้างสังคม
กราบบูชาอย่างสุดซึ้งถึงคุณท่าน
ตลอดกาลคืนวันได้สั่งสม
คำว่าครูอยู่ในใจได้นิยม
มีคนชมร้อยมาลาบูชาครูฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น