วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

รับทำเครื่งประดับราคาถุก

รับทำเครื่องประดับการแสดง เช่นเกี้ยว รัดเกล้า กำไลแผง ชฏา จอนหู ต่างหู และรับทำเครื่องประดับตามแบบที่สั่ง ราคาเป็นกันเองติดต่อที่เบอร์โทรศัพท์ 0844889149

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

พระราชดำรัสพระราชทานเนื่องในวันปีใหม่


พระราชดำรัส
พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย
เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๓
วันพุธที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๒
"ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย บัดนี้ถึงวาระที่จะขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีมาอวยพรแก่ท่าน ทุกๆคน ทั้งขอขอบใจท่านเป็นอย่างมากที่วิตกห่วงใย ในการเจ็บป่วยของข้าพเจ้า และแสดงออกด้วยประการต่างๆจากใจจริง ที่จะให้ข้าพเจ้าหายเจ็บป่วยและมีความสุขสวัสดี ความสุขสวัสดีนี้เป็นที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งของคนเรา แต่จะสำเร็จผลเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถและสติปัญญา ในการประพฤติตัวปฏิบัติงานของแต่ละบุคคลในปีใหม่นี้จึงขอให้ชาวไทยทุกคนได้ตั้งจิต ตั้งใจให้เที่ยงตรงแน่วแน่ที่จะประพฤติตัวปฏิบัติงาน อย่างเต็มกำลังความสามารถ อย่างมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดกำกับอยู่ตลอดเวลา กล่าวคือจะคิดจะทำสิ่งใดต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีให้รอบคอบ ทำให้ดีให้ถูกต้อง ข้อสำคัญที่จะต้องระลึกรู้โดยตระหนักว่าประโยชน์ส่วนรวมนั้นเป็นประโยชน์ที่แต้ละคนพึงยึดถือ เป็นเป้าหมายหลักในการประพฤติตัวและปฏิบัติงานเพราะเป็นประโยชน์ที่ยั่งยืนแท้จริง ซึ่งทุกคนมีส่วนได้รับทั่วถึงกัน ความสุขความสวัสดีจะได้เกิดมีขึ้น ตั้งแต่บุคคล ตั้งแต่ชาติบ้านเมืองไทย ทั้งที่ทุกคนทุกฝ่ายตั้งใจปรารถนาขออนุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนไตร และสิ่งศักดิ์ที่คนไทยเคารพบูชา จงอภิบาลรักษาท่านทุกคน ให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากโรคภัย ให้มีความสุขการสุขใจและความสำเร็จสมประสงค์ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สาระเกี่ยวกับวันขึ้ปีใหม่

สวัสดีครับทุกท่าน อีกไม่ชั่วโมงแล้วนะครับพวกเราก็จะก้าวเข้าสู้ศักราชใหม่กันแล้ว หรือเรียกกันง่ายๆว่าปีใหม่นั้นเอง ช่วงเวลากี่ความหมายเวลาแห่งความประทับใจที่จะมาถึง แต่หลายคนก็ไม่ปรารถนาของการมาเยือนของปีใหม่ เหตุผลหลักก็คืออายุที่เพิ่ม หรือความชรามาเยือนนั่นเองจะอย่างไรก็ดี หลายๆคนเมื่อพูดถึงปีใหม่ก็คงทราบเพียงว่าการเปลี่ยนศักราชใหม่เท่านั้น แต่ผู้ที่จะทราบความเป็นมาที่แท้จริงก็มีไม่มากนัก รวมไปถึงตัวผมเอง ผมจึงไปค้นคว้าเอาเรื่องราวความเป็นมาของวันปีใหม่ หรือ วันขึ้นปีใหม่มาฝากกัน
ความหมายของวันขึ้นปีใหม่ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายของคำว่า " ปี" ไว้ดังนี้ ปี หมายถึง เวลา ชั่วโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครั้งหนึ่งราว 365 วัน : เวลา 12 เดือนตามสุริยคติ

ความเป็นมา
ในอดีต วันขึ้นปีใหม่ของไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงมาแล้ว 4 ครั้งคือ ครั้งแรกถือเอาวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่ง ตรงกับเดือนมกราคม ครั้งที่ 2 กำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตามคติพราหมณ์ ซึ่งตรงกับเดือนเมษายน
การกำหนดวันขึ้นปีใหม่ใน 2 ครั้งนี้ ถือเอาทางจันทรคติเป็นหลัก ต่อมาได้ถือเอาทางสุริยคติแทน โดยกำหนดให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่ พ.ศ.2432 เป็นต้นมา
อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่อยู่ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ไม่สู้จะมีการรื่นเริงอะไรมากนัก สมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน 2477 ขึ้นในกรุงเทพฯเป็นครั้งแรก
การจัดงานวันขึ้นปีใหม่ที่ได้เริ่มเมื่อวันที่ 1 เมษายน ได้แพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อๆ มา และในปี พ.ศ.2479 ก็ได้มีการจัดงานรื่นเริงปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด วันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน ในสมัยนั้นทางราชการเรียกว่า วันตรุษสงกรานต์
ต่อมาได้มีการพิจารณาเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยคณะรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น ซึ่งมีหลวงวิจิตรวาทการเป็นประธานกรรมการ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม โดยกำหนดให้วันที่ 1 มกราคม 2484 เป็น วันขึ้นปีใหม่เป็นต้นไป
เหตุผลที่ทางราชการได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายนมาเป็นวันที่ 1 มกราคม ก็คือ
1. ไม่ขัดกับพุทธศาสนาในด้านการนับวัน เดือน และการร่วมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญ
2. เป็นการเลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมพระพุทธศาสนา
3. ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก
4. เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย
กิจกรรมที่ชาวไทยส่วนใหญ่มักจะยึดถือปฏิบัติในวันขึ้นปีใหม่ได้แก่
1. การทำบุญตักบาตร โดยอาจตักบาตรที่บ้าน หรือไปที่วัดหรือตามสถานที่ต่างๆที่ทางราชการเชิญชวนไปร่วมทำบุญ
2. การกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง การมอบของขวัญ การมอบช่อดอกไม้ หรือการส่งบัตรอวยพร
3. การจัดงานรื่นเริง การจัดเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องหรือตามหน่วยงานต่างๆ
วันขึ้นปีใหม่นับเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เราได้ทบทวนถึงการดำเนินชีวิตในอดีต เพื่อจะได้แก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในอดีตให้ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามวันขึ้นปีใหม่ก็เป็นอีกวันที่ดี วันแห่งโอกาสการปรับเปลี่ยน และสร้างแต่สิ่งดี สิ่งไม่ดีก็ปล่อยให้หายไปกับปีเก่าที่ผ่านไปแต่ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกมากมายเช่น การทำบุญตักบาตรและอุทิศส่วนกุศลผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ฟังเทศน์

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สัมพันธ์ราชภัฏภาคเหนือ

ในอาทิตย์ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายของเราก็ได้เริ่มต้นในการเป็นเจ้าภาพกีฬามหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือ "เหนือสุดสยามเกมส์" ครั้งที่22 โดยต้อนรับมหาวิทยาลัยราชภัฏ7 จังหวัด ภาคเหนือ ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 -24 ธันวาคม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย โดยได้ทำพิธีเปิดกระชับความสัมพันธ์ราชภัฏอย่างยิ่งใหญ่ ผศ.ดร.มาณพ ภาษิตวิไลธรรม อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า เหนือสุดสยามเกมส์ เป็นเกมส์กีฬาของนักเรียน นักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีมาตั้งแต่อดีต ซึ่งในปีนี้มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้รับเกียรติในการเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 22 ซึ่งได้มีนักกีฬาจาก 8 มหาวิทยาลัยราชภัฏภาคเหนือทั้งหมด 1,433 คน ได้ร่วมเข้าแข่งขันกีฬาทั้งหมด 13 ประเภท ซึ่งมีทั้งกีฬาสากล และกีฬาพื้นบ้านของชาวล้านนา ในการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ทางผู้บริหารของมหาวิทยาลัยราชภัฏแต่ละแห่ง ไม่ได้มีความมุ่งหวังที่จะต้องการเอาชนะเพียงอย่างเดียว แต่มุ่งหวังที่ต้องการพัฒนาศักยภาพทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ ให้กับนักศึกษา นักกีฬาแต่ละประเภทให้รู้จักการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เนื่องจากสังคมปัจจุบันได้ขาดหายสิ่งเหล่านี้ ต้องการเพียงแต่เอาชนะ ลืมคิดถึงสังคมรอบข้าง จึงทำให้เกิดปัญหาในหลายด้าน การแข่งขันกีฬาของเยาวชนก็จะเป็นส่วนหนึ่ง ในการปลูกจิตสำนึก รวมถึงการสร้างมิตรภาพอันดี นักศึกษาและนักกีฬา เพื่อเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันหากจบออกไปจากรั่วมหาวิทยาลัยก็สามารถที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างภาคภูมิ “อย่างไรก็ตามการจัดแข่งขันกีฬา เหนือสุดสยามเกมส์ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือท้องถิ่นอีกด้านหนึ่ง เนื่องจากทำให้ท้องถิ่นได้มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้า ของฝากเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นในการแสดงต่างๆ ในเกมส์กีฬาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น” ผศ.ดร.มาณพ กล่าว

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อลังการงานดอกไม้งาน


ทุกท่านครับในวันี้ผมมีเรื่องรายข่าวสารที่น่าสนใจเยวกับจังหวัดเชียงรายดินแดนแห่งดอกไม้งามมาฝากกัน เนื่องจากสภาพอากาศที่เหมาะกับการปลูกพฤกษานานาพันธุ์ โดยในปีนี้บุคคลผู้รักไม้ดอกทังหลายจะได้พบกับความอลังการของงานดอกไม้งาม ครั้งที่ 6 ที่ยิ่งใหญ่ บริเวณสวนไม้งาม ริมน้ำกก เชิงสะพานเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมืองเชียงราย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สวนไม้งาม ริมกก” และยังมีการจัดงานคู่กับการประกวดนางสาวถิ่นไทยงาม อีกด้วย
ด้านนาย นายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยถึงการจัดงานเชียงราย ดอกไม้งาม ครั้งที่ 6 ว่า การจัดงานเทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม ในปีนี้ เป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ดำเนินการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลาย หน่วยงานร่วมกันจัดงานในครั้งนี้ขึ้น ซึ่งจะจัดงานตั้งแต่วันเสารที่ 26 ธันวาคม 2552- วันจันทร์ที่ 4 มกราคม 2553 ณ สวนไม้งาม ริมน้ำกก ถ.เวียงบูรพา เส้นทางไปสนามบินนานาชาติ เชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแห่งใหม่ (จากเดิมจัดขึ้นที่ บริเวณหาดเชียงราย ตำบลรอบเวียง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย) จะมีพื้นที่กว่า 100 ไร่ มีทางเข้าออกหลายทาง ผู้เข้าชมงานสามารถเดินทางได้ทั้งทางรถและทางเรือ โดยคณะผู้จัดงานได้มีการสร้างท่าเรือไว้ให้เรือมาจอดเทียบท่า แล้วเดินเข้ามาชมงานได้ ทั้งนี้การจัดงานเทศกาลดอกไม้ จะจัดคู่กับการประกวดนางสาวถิ่นไทยงามด้วย
การจัดงานในครั้งนี้ ดำเนินการจัดงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “สวนไม้งาม ริมกก” (จัดเป็นสวนเรียบไปกับริมแม่น้ำกก) โดยวันเปิดงานในวันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม นี้ โดยในช่วงเช้าจะมีขบวนรถแห่บุปผาชาติ โดยมี พณฯ ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีระกุล มาทำพิธีเปิดงาน โดยตลอดระยะเวลาการจัดงานผู้เข้าชมงานสามารถเข้าชมได้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น


หากใครที่ชื่นชอบในมนตระการแห่งธรรมชาติผสานวิถีชีวิตของผู้คน พลาดไม่ได้กันงานนี้นอกจากที่ได้ท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายอีกทางหนึ่ง แล้วพบกันที่จังหวัดเชียงรายในวันเวลาที่กำหนดให้ได้นะครับ

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความเป็นมาของวันพ่อแห่งชาติ

คงเป็นที่ทราบกันดีนะครับว่า ในวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปีนั้นเป็นวันพ่อแห่งชาติ แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบถึงประวัติความเป็นมาของวันสำคัญดังกล่าว โดยในวันนี้ผมมีประวัติเกี่ยวกับวันพ่อแห่งชาติ มาฝาก ลูกๆทุกท่านเพื่อเป็นของขวัญเนื่องในวันพ่อแห่งชาติครับ
สำหรับวันพ่อแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเป็น "วันชาติ" อีกด้วย
โดยมีประวัติความเป็นมาดังนี้ครับ
วันพ่อแห่งชาติ ได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา หลักการและเหตุผลที่มีการจัดตั้งวันพ่อขึ้นแห่งชาติ เนื่องจากพ่อ เป็นบุคคลผู้มีพระคุณและมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัวและสังคม สมควรที่ผู้เป็นลูกจะเคารพเทิดทูนและตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะ “พ่อแห่งชาติ” ซึ่งนอกจากพระองค์จะเป็นพระราชบิดาของพระราชโอรสและพระราชธิดา ทรงทะนุบำรุงพระราชโอรสธิดาด้วยความรัก และทรงอบรมอนุศาสน์ให้ทรงเจริญวัยสมบูรณ์ ทรงเป็น "พ่อ" ตัวอย่างของปวงชนชาวไทยที่เปี่ยมล้นด้วยพระเมตตากรุณา อีกทั้งยังทรงบำเพ็ญคุณานุประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน ทรงพระมหากรุณาทะนุบำรุงขจัดทุกข์ผดุงสุขพสกนิกรถ้วนหน้า พระองค์ทรงเป็น “พ่อแห่งชาติ” ที่อาณาประชาราษฎร์เทิดทูนด้วยความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และยึดมั่นในการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทในการทะนุบำรุงชาติบ้านเมืองให้วัฒนาถาวรสืบไป

โดยมีวัตถุประสงค์หลายประกาดังต่อไปนี้ครับ
ประการแรกคือ เพื่อเทิดทูนพระเกียรติคุณของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ประการที่สองคือ เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม
ประการที่สามคือ เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อ
ประการสุดท้ายคือ เพื่อให้ผู้เป็นพ่อ สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบของตน

และได้มีการกำหนดให้ดอกพุทธรักษาสีเหลือง เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันพ่อขึ้นมาพร้อมกัน คงเพราะด้วยชื่ออันเป็นมงคลของ
คำว่า "พุทธรักษา" ซึ่งหมายถึง พระพุทธเจ้าทรงปกป้องคุ้มครองให้มีแต่ความสงบสุขร่มเย็น ซึ่งมีเรียกกันมากว่า 200 ปี และสีเหลืองอันเป็นสีประจำวันพระราชสมภพขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ของปวงชนชาวไทย การมอบดอกพุทธรักษาให้กับพ่อจึงเสมือนกับการบอกถึง ความรักและเคารพบูชาพ่อผู้สร้างความสงบสุขร่มเย็นให้แก่ครอบครัวโดยมีกิจกรรมในงานต่างๆดังนี้ครับ

กิจกรรมในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในทุกๆ ปี จะมีการประดับธงชาติในทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการ โรงเรียน บริษัท และบ้านเรือน เพื่อถวายพระพรให้พระองค์ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน และยังมีการทำความสะอาดแม่น้ำลำคลอง ถนน โรงพยาบาล และประดับรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้ที่หน้าบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย
กิจกรรมสำหรับลูกในวันพ่อแห่งชาติ คือ ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน จัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ หรือบำเพ็ญกุศล ทำบุญใส่บาตร เพื่ออุทิศส่วนกุศล และระลึกถึงพระคุณของพ่อ
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมประกาศเกียรติคุณ พ่อตัวอย่าง หรือพ่อดีเด่น โดยกำหนดคุณสมบัติ คือ มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ส่งเสริมการศึกษาของบุตร ธิดา นับถือศาสนาโดยเคร่งครัด งดเว้นอบายมุขทุกชนิด อุทิศตนเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน และมีภรรยาเพียงคนเดียวอีกด้วย

จะเห็นได้ว่าวันพ่อแห่งชาตินั้นเป็นวันที่ใครหลายๆคนได้แสดงออกถึงความรัก ความกตัญญูแก่คุณพ่อ บุคคลที่ให้ชีวิตเราอีกคนหนึ่ง และเราชาวไทยทุกคนก็มีพ่อคนเดียวกันนั้นก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พ่อหลวงที่คนไทยให้ความเคารพ และรักยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด และในโอกาสวันพ่อนี้เชื่อได้ว่า เราทุกคนจะเป็นลูกที่ดีของพ่อ และเป็นพสกนิกรที่ดีของพ่อหลวงของเรา จากวันนี้และตลอดไปไม่มีวันเสื่อมคลาย


วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เที่ยวหนาวนี้ ที่เชียงราย



หากจะกล่าวถึงดินแดนในฝันที่หลายๆคนต้องการจะไปเยือนนั้น บางคนอาจคิดอยากจะไปเที่ยวในต่างประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลี โดยที่เราลืมนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองไทย ซึ่งนับว่าเป็นที่ที่น่าท่องเที่ยวไม่แพ้ต่างประเทศเลย ยิ่งในช่วงฤดูหนาวนี้จังหวัดทางภาคเหนือ มีสถานที่ท่องเที่ยว ยังรอให้ทุกคนคนมาสัมผัส โดยเฉพาะดินแดนที่ขนานนามว่า “เหนือสุดแดนสยาม” หรือจังหวัดเชียงราย
วันนี้ผมขอพาทุกคนไปท่องเที่ยวในจังหวัดเขียงราย ซึ่งในยามนี้จังหวัดเชียงรายย่างเข้าฤดูหนาวแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวจึงงดงาม และน่าท่องเทียวมากยิ่งขึ้น ก่อนอื่นเรามารู้จักเชียงรายคร่าวๆก่นก่อน โดยจังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนขนาบทั้งด้านฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก โดยมีที่ราบอยู่ตรงกลางเริ่มจากเหนือสุดไล่มาจนถึงจังหวัดพะเยา เทือกเขาฝั่งตะวันตกมี สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงคือ ดอยแม่สลอง ดอยตุง เทือกเขาฝั่งตะวันออก สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงคือ ภูชี้ฟ้า เชียงรายเป็นจุดแรกที่แม่น้ำโขงไหลเข้ามายังดินแดนของประเทศไทยคือที่สามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน และไหลออกจากประเทศไทยอีกครั้งในจังหวัดเชียงราย ที่อำเภอเวียงแก่น การไหลมาของแม่น้ำโขงเป็นที่มาของ สถานที่ท่องเที่ยว คือ สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นจุดบรรจบกัน 3 ประเทศคือไทย ลาว พม่า ปัจจุบันเป็น แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสนใจที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจไปเที่ยวกันมาก ที่อำเภอเชียงแสน มีสถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณสถานมากมาย และมี ทะเลสาบเชียงแสน เป็น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และ เป็นแหล่งดูนก ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ เชียงรายยังมีแหล่งช็อปปิ้งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันมากคือ แม่สาย เป็น จุดเหนือสุดแดนสยาม ข้ามฝั่งพม่าไปก็จะเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่คนไทยชอบข้ามไปเที่ยวคือ ตลาดท่าขี้เหล็ก เป็นจุดดึงดูดนักช็อปปิ้งตลอดปี และหากใครได้มาเที่ยวจังหวัดเชียงรายในช่วงฤดูหนาวนี้ เชื่อได้ว่าทุกคนจะรู้สึกประทับใจไม่รู้ลืม เนื่องจากอากาศไม่ร้อนเหนอะหนะ เย็นสบายกาย และใจสบายด้วย จะทำให้การท่องเที่ยวที่เปี่ยมไปด้วยความสุข อันจะทำให้ทุกๆ คนได้เก็บความรู้สึกและความประทับใจดีๆ ไว้ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเราเคยสนุกสนาน สูดอากาศที่สดชื่นและยลธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่เมืองเชียงราย จังหวัดที่อยู่เหนือสุดแดนสยาม